ความหมาย อาวุธปืน ผู้มีอำนาจอนุญาต - จังหวัดอื่น ๆ ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ - เขตกรุงเทพฯ และทั่วราชอาณาจักร ได้แก่ อธิบดีกรมตำรวจ - จังหวัดอื่น ๆ ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด อนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวเฉพาะในเขตจังหวัด และเฉพาะผู้ที่มีถิ่นที่อยู่ในเขตจังหวัดนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีอำนาจอนุมัติให้นายทะเบียนท้องที่ออกใบอนุญาต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีอำนาจอนุมัติให้นายทะเบียนท้องที่ออกใบอนุญาต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีอำนาจอนุมัติให้นายทะเบียนท้องที่ออกใบอนุญาต นายทะเบียนท้องที่ มีอำนาจออกใบอนุญาต (ยกเว้นดอกไม้เพลิงชนิดประทัดไฟต้องขอความเห็นชอบ จาก รมว.มท. ก่อน) อาวุธปืนที่อนุญาตให้มีไว้ในครอบครอง เพื่อ 1. มีไว้ใช้ 2. มีไว้เพื่อเก็บ การขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน หลักการพิจารณาออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (1) บุคคลซื่งต้องโทษจำคุก สำหรับความผิดตามระมวลกฏหมายอาญาดังต่อไปนี้. ก. มาตรา 57 ถึงมาตรา111 มาตรา 120 มาตรา 177 ถึงมาตรา 183 มาตรา 249 มาตรา 250 หรือ มาตรา 298 ถึงมาตรา 303 ข. มาตรา 254 ถึงมาตรา 257 และพ้นโทษยังไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษถึงวันที่ยื่นคำขออนุญาต เว้นแต่ ในกรณีความผิดที่กระทำโดยความจำเป็น หรือเพื่อป้องกัน หรือโดยถูกยั่วโทษะ (2) บุคคลซึ่งต้องโทษจำคุก สำหรับความผิดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่อง กระสุนปืน วัตถุระเบิด และดอกไม้เพลิง พุทธศักราช 2477 มาตรา 7 มาตรา 11 ถึงมาตรา 22 มาตรา 24 มาตรา 29 มาตรา 33 หรือมาตรา38 (3 ) บุคคลซึ่งต้องโทษจำคุก ตั้งแต่สองครั้งขึ้นไป ในระหว่างห้าปีนับย้อนหลังขึ้นไปจากวันที่ยื่นคำขอสำหรับ ความผิดอย่างอื่น นอกจากบัญญัติไว้ใน (1)(2) เว้นแต่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดละหุโทษ (4) บุคคลซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ (5) บุคคลซึ่งไม่สามารถจะใช้ปืนได้โดยกายพิการ หรือทุพพลภาพ เว้นแต่จะมีไว้เพื่อเก็บตาม มาตรา 11 แห่ง พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (6) บุคคลซื่งเป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือปรากฏว่าเป็นคนวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ (7) บุคคลซึ่งไม่มีอาชีพและรายได้ (8) บุคคลซึ่งไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง (9) บุคคลซึ่งมีความประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง อันอาจกระทบกระเทือนถึงความสงบเรียบร้อยของประชาชน (10) ภูมิลำเนาของผู้ขอมีและใช้อาวุธปืนต้องเป็นบุคคลที่มีชื่อในทะเบียนบ้านตามกฏหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฏร และมีถิ่นที่อยู่ประจำในท้องที่ที่บุคคลนั้นขออนุญาตไม่น้อยกว่าหกเดือน (1) ผู้ขออนุญาตมีอายุเท่าใด เป็นหัวหน้าครอบครัว หรืออาศัยผู้ใดอยู่ (2) บ้านอยู่ในที่เปลี่ยวหรือไม่ และในบ้านนั้นมีผู้ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนอย่างใดอยู่บ้างแล้วหรือไม่ (3) บ้านที่อยู่เป็นนของผู้รับใบอนุญาตเอง หรือเช่าเขาอยู่ (4) ความประพฤติตามปกติเป็นอย่างไร (5) เคยต้องโทษทางอาญาอย่างใดบ้างหรือไม่ (6) เกี่ยวข้องกับพวกคนพาลหรือพวกนักเลงหรือไม่ (7) มีหลักทรัพย์สมบัติอะไรบ้าง ประมาณราคามากน้อยเท่าใด (8) ประกอบอาชีพทางใด (9) การขอมีอาวุธปืน เพื่อประโยชน์อย่างใด (10) มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการรักษาเงิน หรือทรัพย์สมบัติเป็นพิเศษอย่างใด (11) เคยถูกประทุษร้ายต่อทรัพย์และร่างกาย หรือถูกขู่เข็ญว่าจะทำร้ายอย่างใดบ้างหรือไม่ (12) เป็นคนมีสติไม่ปกติเป็นบางครั้งคราวหรือไม่ (13) เป็นคนมีนิสัยฉุนเฉียว หรือเกะกะระรานเพื่อนบ้านใกล้เคียงหรือผู้อื่นบ้างหรือไม่ (14) เคยได้รับอนุญาตมีอาวุธปืนมาแล้วหรือเปล่า ถ้าเคยมีแล้ว เหตุใดจึงบขออนุญาตอีก (15) เจ้าพนักงานผู้ปกครองท้องที่ใกล้ชิด เช่น สารวัตรตำรวจนครบาล ตำรวจภูธร หัวหน้าสถานี กำนันผู้ใหญ่บ้าน เห็นสมควรอนุญาตหรือไม่ (16) ถ้าเป็นบุคคลต่างด้าว ต้องสอบให้ทราบว่า ก.มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยนานเท่าใด ข.พูดภาษาไทยได้หรือไม่ ค. มีครอบครัวเป็นคนต่างด้าวหรือคนไทยอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ ง. เป็นผู้มีจิตใจใฝ่ลัทธิใดลัทธิหนึ่ง อันเป็นภัยต่อประเทศหรือไม่ (17) ถ้าเป็นการขอรับมรดก ต้องสอบให้ได้ความว่าได้มีทายาทคนใดคัดค้านการขอรับโอนบ้างหรือไม่ หากมีการ คัดค้านก็ให้ระงับการออกใบอนุญาตไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด (1) พิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ขออนุญาตเพื่อตรวจสอบประวัติประกอบการพิจารณาด้วย เว้นแต่ผู้ขอเป็นข้าราชการ ประจำการไม่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือตรวจสอบ (2) ทำการสอบสวนคุณสมบัติและเหตุผลความจำเป็น รายงานเสนอถึงผู้กำกับการตำรวจนครบาล เพื่อพิจารณาแล้ว ส่งเรื่องไปยังนายทะเบียนฯดำเนินการต่อไป ก. ข้าราชการตั้งแต่สัญญาบัตรขึ้นไป ไม่ต้องดำเนินการตามข้อ 3 แต่ต้องให้ผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ชั้นหัวหน้ากอง หรือเทียบเท่าหรือผู้กำกับการตำรวจ หรือผู้บังคับกองพันทหารรับรองความประพฤติและตำแหน่งหน้าที่การงาน เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ข. ข้าราชการต่ำกว่าชั้นสัญญาบัตรไม่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือ แต่ต้องสอบสวนตามข้อ 3 เว้นแต่กรณีผู้มีหน้าที่สืบสวน และปราบปรามโจรผู้ร้ายเป็นประจำ หรือมีหน้าที่ต้องปฏิบัติในพื้นที่ที่เสี่ยงอันตรายต่อชีวิต หรือมีหน้าที่ควบคุมเงิน ไม่ต้องสอบสวนแต่ต้องมีหนังสือรับรองความประพฤติและตำแหน่งหน้าที่การงานจากผู้บังคับบัญชาตามข้อ ก. ก.การรับโอนอาวุธปืนระหว่างบุคคลทั่วไป พิจารณาตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น ข. การรับโอนปืนมรดก ถ้าผู้รับโอนมีคุณสมบัติครบถ้วน และเป็นทายาทโดยตรงต้องการรับโอนไว้ก็อนุญาตได้ (1) กระสุนโดด ปืนยาวทุกชนิด อนุญาตให้สั่งหรือนำเข้ามา ได้ไม่เกินปีละ 100 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะขอ อนุญาตได้ไม่เกิน 50 นัด สำหรับกระสุนปืนชนิดนั้น ๆ ถ้าขอซื้อภายในราชอาณาจักรให้อนุญาตได้ไม่เกินปีละ 60 นัด แต่การอนุญาตให้อนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 15 นัด สำหรับกระสุนปืนชนิดหนึ่ง ๆ (2)กระสุนปืนพกทุกชนิดอนุญาตให้สั่งหรือนำเข้ามาได้ไม่เกิน 50 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะอนุญาตได้ไม่เกิน คราวละ25 นัด สำหรับกระสุนปืนชนิดหนึ่ง ๆ ถ้าขอซื้อภายในราชอาณาจักร ให้อนุญาตได้ไม่เกินปีละ 36 นัด แต่การขออนุญาตนี้ ให้อนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 12 นัด สำหรับกระสุนปืน ชนิดหนึ่ง ๆ (3) กระสุนลูกซองชนิดต่าง ๆ แบ่งเป็น 4 ขนาด ตามรายการในนบัญชีเทียบขนาดกระสุนต่าง ๆ ต่อไปนี้ ขนาดที่ 1 อนุญาตให้สั่งหรือนำเข้าไม่เกินปีละ 100 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะอนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 25 นัด สำหรับกระสุนปืนชนิดหนึ่ง ๆ ขนาดที่ 2 อนุญาตให้สั่งหรือนำเข้าไม่เกินปีละ 200 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะอนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 50 นัด สำหรับกระสุนปืนลูกซองชนิดหนึ่ง ๆ ขนาดที่ 3 อนุญาตให้สั่งหรือนำเข้าไม่เกินปีละ 300 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะขออนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 75 นัด สำหรับกระสุนปืนลูกซองชนิดหนึ่ง ๆ ขนาดที่ 4 อนุญาตให้สั่งหรือนำเข้าไม่เกินปีละ 400 นัด แต่การสั่งหรือนำเข้ามานี้จะอนุญาตได้ไม่เกินคราวละ 100 นัด สำหรับกระสุนปืนลูกซองชนิดหนึ่ง ๆ แต่ทั้งนี้ขอรวมกันคราวเดียวทุกขนาดให้อนุญาตไม่เกินปีละ 1,000 นัด แต่การอนุญาตนี้จะอนุญาตไม่เกินคราวละ 250 นัด สำหรับกระสุนปืนลูกซองชนิดหนึ่ง ๆ จำนวนที่กำหนดนี้เป็นอันตรายอย่างสูงที่จะอนุญาตให้สั่งหรือนำเข้ามาจากต่างประเทศ ส่วนการขอซื้อภายในราชอาณาจักรให้อนุญาตได้ไม่เกินปีละ 500 นัด แต่ในการอนุญาตครั้งหนึ่งต้องไม่เกิน 25 นัด เฉพาะกระสุนปืนลูกซองตามบัญชีเทียบขนาดที่ 1 กรมตำรวจได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นกระสุนปืนที่โดยปกติใช้ล่า สัตว์ใหญ่ จึงให้อนุญาตปีละไม่เกิน 100 นัด แต่ในการอนุญาตครั้งหนึ่ง ๆ ต้องไม่เกิน 10 นัด ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้อง กับนโยบายในการสงวนพันธ์สัตว์ป่า (4) กระสุนอัดลมอนุญาตให้สั่งหรือนำเข้า หรือซื้อภายในราชอาราจักรได้ไม่เกินคราวละ 1,000 สำหรับกระสุนปืน อัดลมชนิดหนึ่ง ๆ (5) กระสุนลูกกรดทุกชนิดให้อนุญาตสั่งได้ไม่เกินปีละ 100 นัด ถ้าเป็นการซื้อในราชอาณาจักรให้อนุญาตได้ไม่เกิน คราวละ 200 นัด แต่ต้องไม่เกินปีละ 1,000 นัด การอนุญาตกระสุนปืนตามคำสั่งนี้ ได้กำหนดอัตราขึ้นไว้ เพื่อให้เป็นระดับเดียวกันในการอนุญาตตามปกติ แต่ถ้ามี กรณีซึ่งจะต้องผ่อนผันการออกอนุญาตเป็นพิเศษ เช่น ในกรณีที่คนต่างด้าว หรือข้าราชการสถานฑูตอันมีสัมพันธไมตรี ต่อประเทศไทยนำติดตัวเข้ามา ก็ให้พิจารณาผ่อนผันได้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายไปแล้วแจ้งให้กรมศุลกากรทราบ ถ้าเป็นกรณีซื้อภายในราชอาณาจักร เมื่อได้ผ่อนผันไปแล้วให้รายงานเหตุที่ผ่อนผันให้กระทรวงทราบเฉพาะคนต่างด้าว ที่ได้รับการผ่อนผันข้างต้นต้องเป็นบุคคลที่ได้รับสิทธิคุ้มกัน เช่นเจ้าหน้าทื่องค์การระหว่างประเทศ คนใดจะเป็นผู้ต้องห้ามในการออกใบอนุญาตตามาตรา 13 (7)(8) หรือ(9) ก็ให้พนักงานสอบสวนท้องที่รายงาน พฤติการณ์ไปยังนายทะเบียนท้องที่ เพื่อเรียกตัวผู้รับอนุญาตมาทำประกันทัณฑ์บน หรือพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต เป็นราย ๆ ไป การทำประกันทัณฑ์บน ให้นายทะเบียนท้องที่เรียกตัวผู้รับอนุญาตมาดำเนินการดังนี้ ก. ให้นำหลักฐาน การประกอบอาชีพ และรายได้มาแสดง ข. ให้นำหลักฐาน ภูมิลำเนาถิ่นที่อยู่ และบัตรประจำตัวมาแสดง ค. ให้นำบุคคลที่เชื่อถือได้มารับรองทำสัญญาประกันและให้ผู้ได้รับอนุญาตทำทัณฑ์บนต่อนายทะเบียนท้องที่ โดย กำหนดระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน และไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันทำประกันทัณฑ์บน ถ้าผู้รับใบอนุญาตดังกล่าวหาประกันที่เชื่อถือไม่ได้ หรือไม่ยอมทำทัณฑ์บนภายในเวลาอันสมควรตามที่นายทะเบียน ได้กำนดให้ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 30 วัน ให้ถือว่าผู้รับใบอนุญาตนั้นเป็นผู้ซึ่งจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ให้นายทะเบียน ท้องที่เพิกถอนใบอนุญาตทุกรายไป เมื่อนายทะเบียนท้องที่ได้ทำสัญญาประกันทัณฑ์บนแล้ว ให้แจ้งสารวัตรใหญ่หรือ สารวัตรสถานีตำรวจท้องที่โดย มิชักช้า เพื่อสอดส่องพฤติการณ์ และหากปรากฏว่าผู้ทำสัญญาประกันหรือทัณฑ์บนผิดสัญญาประกัน หรือทัณฑ์บน ก็ให้สารวัตรใหญ่หรือสารวัตรสถานีตำรวจท้องที่ แจ้งให้นายทะเบียนท้องที่ทราบเพื่อดำเนินการต่อไป มีขั้นตอนปฏิบัติ ดังนี้ 1. ยื่นคำขอ ตามแบบ ป.1 ระบุ ชนิด ประเภท จำนวน พร้อมทั้งแหล่งที่จะขอซื้อพร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวและ ทะเบียนบ้าน หนังสือรับรองของผู้บังคับบัญชากรณีเป็นข้าราชการ หรือหนังสือรับรองของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรณีเป็น ราษฏรทั่ว ๆ ไป 2. สอบสวนคุณสมบัติ - สอบสวนในประเด็นเกี่ยวกับการต้องโทษคดีอาญา อาชีพ ความสามารถและความประพฤติ ได้แก่ ( พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ. 2490 ม.13 ) - สอบสวนสภาพความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อมของผู้ประกอบการพิจารณาด้วย - ถ้าเป็นเขตกรุงเทพมหานคร กรณีเป็นบุคคลที่ไม่เคยมีอาวุธปืนมาก่อน ต้องส่งเรื่องราวคำร้องให้ตำรวจท้องที่ สอบสวนคุณสมบัติ และหลักทรัพย์(ยกเว้นผู้ขอเป็นผู้ใหญ่บ้าน) - สำหรับต่างจังหวัด ให้นายทะเบียนท้องที่พิจารณาสอบสวนคุณสมบัติอย่างรอบคอบ และรวดเร็ว โดยราษฏรให้ สอบสวนจากเจ้าพนักงานปกครองที่ใกล้ชิดเช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เฉพาะกรณีสงสัยให้นายทะเบียนพิจารณาตรวจสอบ คุณสมบัติร่วมกับผู้บังคับกอง หรือ หัวหน้าสถานีตำรวจ 3. ถ้านายทะเบียนอนุญาตก็ให้ออก ป.3 ให้ไปซื้ออาวุธปืน 4. เมื่อได้รับ ป.3 แล้วจะต้องซื้ออาวุธปืน ณ ท้องที่ หรือ บุคคลที่ระบุไว้ใน ป.3 เท่านั้น เมื่อซื้อแล้วให้นำอาวุธปืนและ ใบคู่มือประจำปืนไปขอ ออกใบอนุญาต ป.4 5. เมื่อออก ป.4 แล้ว นายทะเบียนต้องเพิ่มรายการลงในทะเบียนอาวุธปืนประจำรายตำบลและประเภทอาวุธปืน การขอรับโอนมรดกอาวุธปืน ขั้นตอนการขอรับโอนมรดกอาวุธปืน การแจ้งย้ายอาวุธปืน เมื่อผู้ได้รับอนุญาตให้มี และใช้อาวุธปืนย้ายที่อยู่ ต้องแจ้งการย้ายอาวุธปืนต่อนายทะเบียนท้องที่ด้วย โดยแจ้งแก่ นายทะเบียนท้องที่ภายใน 15 วัน นับแต่วันย้ายออกและ ถ้าย้ายไปอยู่ต่างท้องที่ให้แจ้งการย้ายแก่นายทะเบียนท้องที่ ใหม่ทราบภายใน 15 วัน นับแต่วันย้ายไปถึง กฏหมายและระเบียบเกี่ยวกับการทะเบียนอาวุธปืน |