คำสดุดีพระพุทธศาสนา
ของนักปราชญ์ชาวตะวันตก |
1. "Buddhism has done more for the advance of world civilization and true culture than any other influences in the chronicles of mankind."
H.G. Wells (1866-1946)
"พระพุทธศาสนาได้กระทำไว้มากยิ่งกว่าอิทธิพลอื่นใดที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เพื่อความก้าวหน้าแห่งอารยธรรมของโลกและวัฒนธรรมที่แท้จริง"
พระพุทธศาสนาได้สร้างความก้าวหน้าทางอารยธรรมของโลกและวัฒนธรรมที่แท้จริงยิ่งกว่าอิทธิพลอื่นใดใน ประวัติศาสตร์ของโลก
เอช.จี.เวลส์ (พ.ศ.2409-2489) : นักประพันธ์ นักหนังสือ และนักประวัติศาสตร์ ชาวอังกฤษ ผู้ริเริ่มการเขียนนวนิยายทางวิทยาศาสตร์
2. "The Buddha's moral code is the most perfect one which the world has ever known."
Professor Max Muller (1823-1900)
"ประมวลศีลธรรมของพระพุทธเจ้าสมบูรณ์มากที่สุดที่โลกเคยรู้จักมา"
หลักธรรมของพระพุทธเจ้าสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่โลกได้รู้จักมา
แมกซ์ มุลเลอร์ (พ.ศ.2366-2443) : ศาสตราจารย์ทางนิรุกติศาสตร์ชาวอังกฤษผู้นำในการศึกษาความรู้ เกี่ยวกับตะวันออก
3. ''...He gave expression to truths of everlasting value and advanced the ethics of not India alone but of humanity. Buddha was one of the greatest ethical men of genius ever bestowed upon the world."
Albert Schwietzer (1875-1965)
"...พระองค์ (พระพุทธเจ้า) ได้ทรงแสดงออกซึ่งสัจธรรมอันมีคุณค่าเป็นนิรันดร และได้ทำให้จริยธรรม มิใช่ของ อินเดียเท่านั้นแต่ของมนุษยชาติ ก้าวหน้าไป พระพุทธเจ้าเป็นหนึ่งในบรรดาอัจฉริยมนุษย์ทางศีลธรรมผู้ยิ่งใหญ่ ที่โลกเคยได้มา"
พระพุทธเจ้าเป็นหนึ่งในบรรดาอัจฉริยบุคคลทั้งหลายทางด้านศีลธรรมที่โลกเคยมีมา
อัลแบร์ต ชไวเซอร์ (พ.ศ.2418-2508) : แพทย์ นักสอนศาสนา นักเทววิทยา และนักดนตรี ชาวฝรั่งเศสผู้ได้รับรางวัลโนเบลทางสันติภาพในปีค.ศ.1952 (พ.ศ.2495)
4. "Alone of all the great world religions,Buddhism made its way without persecution,censorship or inquisition. In all these respects its record is enormously superior to other religions, which made its way among people addicted to militarism."
Aldous Huxley (1894-1963)
"ในบรรดาศาสนาที่ยิ่งใหญ่ของโลกทั้งหมด พระพุทธศาสนาเพียงศาสนาเดียว ดำเนินไปโดยปราศจากการ เบียดเบียนทางศาสนา การตรวจควบคุม และการซักถามสอบสวน (ซึ่งมีลูกขุนหรือ
เจ้าหน้าที่ดำเนินการเพื่อ จะเอาผิดหรือควบคุมผู้ใดนับถือ) ในแง่เหล่านี้ทั้งหมดประวัติของพระพุทธศาสนายิ่งใหญ่มากเหนือศาสนา อื่นซึ่งดำเนินไปในระหว่างประชาชนผู้ติดอยู่กับระบบทหาร"
ในบรรดาศาสนาที่สำคัญ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาเดียวที่อุบัติขึ้นในโลก โดยปราศจากการเบียดเบียนและเข่นฆ่ากัน
อัลดัส ฮักซลี่ย์(พ.ศ.2437-2506) : นักนวนิยายชาวอังกฤษ
5. "As a student of comparative religions, I belive that Buddhism is the most perfect one the world has ever seen. The philosophy of the Buddha, the theory of evolution and the law of Karma were far superior to any other creed."
Professor Carl Gustav Jung(1875-1961)
"ในฐานะเป็นนักศึกษาศาสนาเปรียบเทียบ ข้าพเจ้าเชื่อว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่สมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่โลก เคยพบเห็นมา ปรัชญาของพระพุทธเจ้าทฤษฎีวิวัฒนาการ และกฏแห่งกรรม (ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว) ยิ่งใหญ่เหนือ ลัทธิอื่นอย่างห่างไกล"
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่สมบูรณ์มากที่สุด ยิ่งใหญ่เหนือลัทธิอื่นเท่าที่โลกเคยพบมา
ศาสตราจารย์ คาล กุสตาฟ จุง(พ.ศ. 2418-2504) : นักจิตวิทยาชาวสวิสส์
6. "Buddhism is a combination of both speculative and scientific philosophy. It advocates the scientific method and pursues that to a finality that may be called rationalistic. In it are to be found answers to such questions of interest as "What are mind and matter? Of them which is of greater importance? Is the Universe moving towards a goal? What is man's position? Is there living that is noble?" It takes up where science cannot lead because of the limitations of the latter's instruments. Its conquests are those of the mind." Bertrand Russell (1872-1970)
"พระพุทธศาสนาเป็นการรวมปรัชญาแบบเก็งความจริงกับวิทยาศาสตร์ พระพุทธศาสนานั้นสนับสนุนวิธีการทาง วิทยาศาสตร์ และติดตามวิธีการนั้นจนถึงที่สุด ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นศาสนาแห่งเหตุผล ในพระพุทธศาสนา เราจะได้พบคำตอบที่น่าสนใจ "จิตใจกับวัตถุคืออะไร? ระหว่างจิตใจกับวัตถุนั้น อย่างไหนสำคัญมากกว่ากัน? เอกภพเคลื่อนไปหาจุดหมายปลายทางหรือไม่?" พระพุทธศาสนาพูดถึงเรื่องที่วิทยาศาสตร์ยังนำทางไปไม่ได้ เพราะความจำกัดแห่งเครื่องมือของวิทยาศาสตร์ ชัยชนะของพระพุทธศาสนาเป็นชัยชนะทางจิตใจ"
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งเหตุผล ซึ่งเป็นชัยชนะทางจิตใจที่ความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันยังนำทางไปไม่ถึง
เบอร์ทรันด์ รัสเซล(พ.ศ.2415-2513)
นักปรัชญา นักเขียน นักคณิตศาสตร์ และนักต่อสู้คัดค้านอาวุธนิวเคลียร์ ชาวอังกฤษผู้ได้รับรางวัลโนเบลทางวรรณกรรมในปี 1950 (พ.ศ. 2493)
7. "The religion of the future will be a cosmic religion. It should transcend a personal God and avoid dogmas and theology. Covering both the natural and the spiritual. It should be based on a religious sense arising from the experience of all things, nastural and spiritual as a meaningful unity. Buddhism answers this description... . If there
is any religion that could cope with modern scientific needs, it would be Buddhism."
Albert Einstein (1879-1955)
"ศาสนาในอนาคตจะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือพระเจ้าที่มีตัวตน และควรจะเว้นคำสอนแบบสิทรันต์ (คือเป็นแบบสำเร็จรูปที่ให้เชื่อตามเพียงอย่างเดียว) และแบบเทววิทยา (คือพึ่งเทวดาเป็นหลักใหญ่) ศาสนานั้นเมื่อครอบคลุมทั้งธรรมชาติและจิตใจจึงควรมีรากฐานอยู่บนสำนึกทางศาสนาที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ต่อสิ่งทั้งปวง คือทั้งธรรมชาติและจิตใจอย่างเป็นหน่วยรวมที่มีความหมาย พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้... ถ้าจะมีศาสนาใดที่รับมือได้กับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัยปัจจุบันศาสนานั้นก็ควรเป็นพระพุทธศาสนา"
ศาสนาในอนาคตต้องเป็นศาสนาสากล ถ้ามีศาสนาใดศาสนาหนึ่งที่รับสอดคล้องกับ หลักทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันได้ ศาสนานั้นก็คือพระพุทธศาสนา
อัลเบิร์ต ไอนสไตน์ (พ.ศ. 2422-2498) : นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน ผู้เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพ
8. "Buddha is the more complete human being. He is a historical personality and therefore easier for men to understand. Christ is at once a historical man and god, and therefore more difficult to comprehend." Carl Gustav Jung (1875-1961)
"พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์มากพระองค์เป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงทางประวัติศาสตร์ ฉะนั้น จึงเป็นการง่ายที่คน ทั้งหลายจะเข้าใจพระคริสต์เป็นบุคคลที่มีตัวจริงทางประวัติศาสตร์ และเป็นเทวดาในขณะเดียวกันฉะนั้นจึง ยากมากที่จะเข้าใจได้"
พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์มาก ซึ่งเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงทางประวัติศาสตร์
คาล กุสตาฟ จุง (พ.ศ.2418-2504) : นักจิตวิทยาชาวสวิสส์
9. "If we ask, for instance, whether the position of the electron remains the same, we must say "no"; if we ask whether the electron's position changes with time, we must say "no"; if we ask whether the electron is at rest, we must say "no" The Buddha has given such answers when interrogated as to the conditions of a man's self after death; but they are not familiar answer for the tradition of 17th and 18th century science." J.Robert Oppenheimer (1904-1967)
"ขอยกตัวอย่าง เช่น ถ้าเราถามว่า ฐานะของอีเลกตรอนเป็นอันเดียวกันใช่หรือไม่? เราจะต้องตอบว่าไม่ถ้าเราถามว่า ฐานะของอีเลกตรอนเปลี่ยนไปพร้อมกับกาลเวลา ใช่หรือไม่? เราจะต้องตอบว่าไม่ ถ้าเราถามว่า อีเลกตรอน หยุดพักใช่หรือไม่? เราจะต้องตอบว่าไม่ ถ้าเราถามว่า มันเคลื่อนไหวใช่หรือไม่? เราจะต้องตอบว่าไม่ พระพุทธเจ้า ก็ได้ประทานคำตอบเช่นเดียวกันเมื่อทรงได้รับคำถาม
เกี่ยวกับสถานการณ์ของตัวตนของมนุษย์ภายหลังความตายแต่คำตอบเหล่านั้นมิใช่คำตอบที่คุ้นกับจารีตประเพณีของวิทยาศาสตร์สมัยตวรรษที่ 17 และ 18"
พระพุทธเจ้าทรงทราบปัญหาของวิทยาศาสตร์ได้อย่างชัดเจนแต่ไม่ใช่คำตอบ ที่คุ้นเคยกับจารีตประเพณีของวิทยาศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 7 และที่ 8 (ค.ศ. 1600-1700 และ ค.ศ. 1700-1800)
เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์(พ.ศ. 2447-2510) : นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน ผู้นำในการพัฒนาระเบิดปรมาณู
10. "If I am to take the results of my philosophy as the standard of truth, I should be obliged to concede to Buddhism the pre-eminence over the rest. In any case, it must be satisfaction to me to find my teaching in such close agreement with a religion professed by the majority of men. This agreement must be all the more satisfactory because in my philosophizing, I have certainly not been under its ifluence."
Arthur Schopenhauer (1788-1860)
"ถ้าข้าพเจ้าจะถือเอาผลแห่งปรัชญาของข้าพเจ้าว่าเป็นมาตรฐานแห่งความจริง ข้าพเจ้าก็ควรมีข้อผูกพันที่ ต้องยอมรับพระพุทธศาสนา ว่าเด่นเป็นพิเศษเหนือศาสนาที่เหลือ. อย่างไรก็ตาม ก็จะต้องเป็นที่น่ายินดีสำหรับ ข้าพเจ้าที่ได้พบว่า คำสอนของข้าพเจ้าเข้ากันได้อย่างใกล้ชิดกับศาสนาซึ่งมนุษย์ส่วนมากนับถือ การเข้ากัน ได้นี้ต้องเป็นที่น่าพอใจมาก เพราะในการคิดปรัชญานั้น ข้าพเจ้ามิได้อยู่ใต้อิทธิพลของศาสนานั้น (พระพุทธศาสนา) อย่างแน่นอน"
พระพุทธศาสนาเด่นเป็นพิเศษเหนือศาสนาใด ๆ ในโลกทั้งหมดในด้านปรัชญานั้นปรัชญาของข้าพเจ้าเข้ากันได้อย่างดีกับพระพุทธศาสนา ทั้ง ๆ ที่ในด้านการคิดปรัชญานั้น ข้าพเจ้าไม่อยู่ใต้อิทธิพลของพระพุทธศาสนาแต่อย่างใด
อาร์เธอร์ โชเพนเฮ(พ.ศ. 2331-2403) : นักปรัชญาชาวเยอรมัน
หมายเหตุ: ข้อความย่อของนักปราชญ์แต่ละท่านที่ย่อมาในกรอบข้าพเจ้า ได้ย่อมาใส่ไว้เพื่อให้กะทัดรัดและเข้าใจง่ายขึ้น
ฐิตวณฺโณ ภิกขุ
คติธรรมในการเจริญภาวนา
ผลดีของการฝึกจิต
ฝึกจิตทุกวัน ผิวพรรณผ่องใส สุขกายสุขใจ อนามัยสมบูรณ์
ปล่อยวางเสียได้เป็นสุข
สิ่งทั้งปวง ควรหรือ จะถือมั่น เพราะว่ามัน ก่อทุกข์ มีสุขไฉน ยึดมั่นมาก ทุกข์มาก ลำบากใจ ปล่อยวางได้ เป็นสุข ทุกคืนวัน
หลักธรรมเพื่ออยู่อย่างเป็นสุขในสังคม
ขันติ เมตตา เสียสละ ให้อภัย และปล่อยวาง ขันติธรรม ให้คุณค่า มหาศาล จิตเบิกบาน ด้วยเมตตา น่าเลื่อมใส เสียสละ ก็ทำได้ ทั้งกายใจ พร้อมอภัย ไม่ยึดถือ คือปล่อยวาง
ที่มา :หนังสือความดีเด่นของกาลามสูตร และ คำสดุดีพระพุทธศาสนาของนักปราชญ์ชาวตะวันตก โดย พระธรรมวิสุทธิกวี วัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพมหานคร